เมนู

ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1399] ป. ไม่พึงกล่าวว่า วิญญาณ 5 มีความผูกใจ หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เห็นรูปด้วยจักษุ เป็นผู้ถือนิมิต ฯลฯ เป็นผู้ไม่ถือ
นิมิต ฯลฯ ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกาย เป็นผู้ถือนิมิต ฯลฯ เป็นผู้ไม่ถือ
นิมิต
ดังนี้ เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. ถ้าอย่างนั้น วิญญาณ 5 ก็มีความผูกใจ น่ะสิ.
ปัญจวิญญาณา สาโภคาติกถา จบ

อรรถกถาปัญจวิญญาณา สาโภคาติกถา



ว่าด้วย ปัญจวิญญาณมีความผูกใจ



บัดนี้ ชื่อว่าเรื่อง ปัญจวิญญาณมีความผูกใจ. ในเรื่องนั้น ชื่อว่า
ความคิดคำนึงย่อมมีได้ด้วยสามารถแห่งกุศล และอกุศล. ก็ข้อนี้ พระศาสดา
ทรงตรัสไว้ว่า ภิกษุเห็นรูปด้วยจักษุแล้วถือเอาโดยนิมิต... ไม่ถือเอาโดย
นิมิต
ดังนี้เป็นต้น. ชนเหล่าใดถือเอาพระพุทธพจน์นั้นโดยไม่พิจารณา
จึงมีความเห็นผิดดุจลัทธิของนิกายมหาสังฆิกะทั้งหลายว่า วิญญาณ 5
มีความผูกใจ คิดคำนึงได้ ดังนี้ คำถามของสกวาทีหมายชนเหล่านั้น
คำตอบรับรองเป็นของปรวาที. คำที่เหลือในที่นี้เช่นกับเรื่องก่อนนั่นแล.
อรรถกถาปัญจวิญญาณา สาโภคาติกถา จบ

ทวีหิ สีเลหิ สมันนาคโตติกถา



[1400] สกวาที บุคคลผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยมรรค เป็นผู้
ประกอบด้วยศีล 2 อย่าง หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยมรรค เป็นผู้ประกอบ
ด้วยผัสสะ 2 อย่าง ด้วยเวทนา 2 อย่าง ด้วยสัญญา 2 อย่าง ด้วยเจตนา
2 อย่าง ด้วยจิต 2 อย่าง ด้วยศรัทธา 2 อย่าง ด้วยวิริยะ 2 อย่าง ด้วย
สติ 2 อย่าง ด้วยสมาธิ 2 อย่าง ด้วยปัญญา 2 อย่าง หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1401] ส. บุคคลผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยมรรค เป็นผู้ประกอบ
ด้วยศีลอันเป็นโลกิยะ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยมรรค เป็นผู้ประกอบ
ด้วยผัสสะอันเป็นโลกิยะ ด้วยเวทนาอันเป็นโลกิยะ ด้วยสัญญาอันเป็น
โลกิยะ ด้วยเจตนาอันเป็นโลกิยะ ด้วยจิตอันเป็นโลกิยะ ด้วยศรัทธาอัน
เป็นโลกิยะ ด้วยวิริยะอันเป็นโลกิยะ ด้วยสติอันเป็นโลกิยะ ด้วยสมาธิ
อันเป็นโลกิยะ ด้วยปัญญาอันเป็นโลกิยะ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1402] ส. บุคคลผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยมรรค เป็นผู้ประกอบ
ด้วยศีล ทั้งที่เป็นโลกิยะและโลกุตตระ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยมรรค เป็นผู้ประกอบ